เชียงใหม่ หรือชื่อเดิม “นพบุรีศรีนครพิงค์” ก่อตั้งเป็นราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนาเมื่อกว่า 700 ปีก่อน โดยพญาเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย ต่อมาในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองประเทศราช และเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาคในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองเชียงใหม่จึงเปลี่ยนฐานะเป็นมณฑลพายัพ และกลายเป็นจังหวัดในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เชียงใหม่นับเป็นศูนย์กลางของจังหวัดในภาคเหนือ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางด้านธรรมชาติอันงดงาม ด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของชาวเชียงใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์น่าประทับใจ และความพรั่งพร้อมในเรื่องสถานที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ที่หลากหลาย เป็นที่ดึงดูดคนมาท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปี
ดอยสุเทพ
ดอยสุเทพนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นดอยที่เที่ยวง่ายที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ สามารถใช้เวลาแค่หนึ่งวันก็สามารถเที่ยวได้ครบ จากยอดดอยห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 16 กิโลเมตรเท่านั้น มีรถสี่ล้อให้บริการบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และด้านหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองเหมาขึ้นดอยสุเทพกัน ระหว่างทางนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ร้านอาหาร ร้านค้า ก็ยังมีให้บริการอย่างครบครัน นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาหาร้านอาหารเย็น และที่พักสำหรับค้างแรมในตัวเมืองกัน ปลายฤดูหนาวที่ดอยสุเทพนับเป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะดอยสุเทพในช่วงนี้กลับเป็นช่วงที่สามารถชมวิวตัวเมืองเชียงใหม่จากมุมสูงได้สวยงามที่สุด โดยจะเห็นวิวชัดที่สุดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอากาศบนยอดดอยก็กำลังเย็นสบาย เที่ยวสะดวก สำหรับดอยปุยนั้นดอกไม้ก็ยังสวยงามบานสะพรั่ง ดอกไม้เมืองหนาวบางชนิดบานเต็มที่ บนยอดดอยก็สามารถชมวิวได้สวยงามไม่แพ้กัน
ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าไปวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร มีจุดชมวิวที่สามารถชมวิวเชียงใหม่ได้สวยงามอีกประมาณ 2-3 จุด ถ้าขับรถมาเองก็ถือเป็นการพักรถไปในตัวและยังได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หลังจากผ่านโค้งวัดใจที่ชาวเชียงใหม่นิยมเรียกกันก็มาถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพวรวิหาร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่ที่มีความสำคัญทางศาสนาและประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1927 มี “บันไดนาค” ทอดยาวขึ้นไปสู่วัด 306 ขั้น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน “เจดีย์พระธาตุดอยสุเทพ” เป็นเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังแปดเหลี่ยมมีบัลลังก์ ตัวเจดีย์ปิดทองดีบุก ใต้ฐานพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ขับรถตามถนนห้วยแก้ว ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นถนนสายท่องเที่ยวตั้งแต่ตีนดอยไปจนถึงดอยสุเทพ-ดอยปุย อุทยานแห่งชาติดอยสุทพ-ปุย ยังมีเส้นทางขับรถยนต์ เส้นทางขี่จักรยาน และเส้นทางเดินป่าอีกมากมายให้ได้ผจญภัยกัน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินป่าสายน้ำตกมณฑาธาร-ถนนศรีวิชัยตอนบน-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เส้นทางเดินเท้าเพื่อชมสภาพป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง (ป่ายางปาย) และเพื่อชมนกป่าที่สวยงามและหาชมได้ยาก เส้นทางขับรถยนต์ของพื้นที่ในใจกลางอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และหมู่บ้านชาวเขาต่างๆ เส้นทางสำหรับจักรยานเสือภูเขา ช่วงพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ยอดดอยปุย เส้นทางดอยปุย-ขุนช่างเคี่ยน-แม่สาใหม่ เส้นทางห้วยตึงเฒ่า-ขุนช่างเคี่ยน-แม่สาใหม่ และเส้นทางแม่สาใหม่-ขุนแม่ลวด-ขุนแม่ในดอยอินทนนท์
ดอยอินทนนท์เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่กลับขึ้นชื่อว่าเป็นดอยที่เที่ยวง่ายและสะดวกสบายที่สุด เพราะทุกที่สถานที่เที่ยวเด่นถูกเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางอย่างดี เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 1 นั่นก็คือ น้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกที่สวยงามและสูงใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เกิดจากห้วยแม่ยะตกลดหลั่นกันลงมาหน้าผา หินสูงถึง 280 เมตร กว้าง 80 เมตร น้ำตกแม่กลาง (กิโลเมตรที่ 8) เป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวยที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิกพักผ่อนกินอาหารว่างมื้อสายท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น ถ้ำบริจินดา (กิโลเมตรที่ 8.5) ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามที่มีอายุนับล้านปี และยังมีพระพุทธรูปสถิติอยู่ในถ้ำ น้ำตกวชิรธาร (กิโลเมตรที่ 21) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำตลอดทั้งปี เราสามารถเห็นสายรุ้งกินน้ำสีสวยที่เกิดจากละอองฟุ้งของสายน้ำตกในเวลาเที่ยงวัน เป็นช่วงเวลาที่น้ำตกแห่งนี้งดงามที่สุด น้ำตกสิริธาร เป็นน้ำตกแห่งใหม่ ตั้งหลบอยู่ในหุบเขาและป่าไม้ดงดิบ มีระเบียงไม้ร่มรื่นสามารถนั่งเล่นและชมวิวน้ำตกได้จากระยะไกลๆ
สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ อยู่ในเขตหมู่บ้านม้งขุนกลาง ภายในตกแต่งร่มรื่นสวยงาม มีโรงปลูกดอกไม้ผลเมืองหนาว และยังมีร้านอาหารและบ้านพักให้บริการ น้ำตกสิริภูมิ (กิโลเมตรที่ 30) เมื่อก่อนชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกเลาลึ ตามชื่อหมู่บ้านม้ง เราจะเห็นสายน้ำตกสีขาวสองเส้นสวยงามมาก เลยที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ไปไม่ไกลก็จะเห็นเพิงไม้ตั้งเรียงรายอยู่ทางฝั่งขวามือของถนน ชาวบ้านจะนำผักสดๆ ผลไม้แช่อิ่มและงานฝีมือมาวางขายที่ตลาดม้ง ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาน 4.5 กิโลเมตร ก็จะถึงดอยผาตั้ง หน้าผาหินสองลูกตั้งเด่นบนยอดเขา เป็นหนึ่งในจุดชมวิวสวยของดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ (กิโลเมตรที่41) เหมาะสำหรับชมสวนดอกไม้ประดับ ชมวิวสวย และยังเป็นจุดชมวิวยามพระอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของดอยอินทนนท์ และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามเช่นกัน
เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติบนดอยอินทนนท์มีเส้นทางเดินระยะสั้นถึงสั้นมากเดินสะดวกสบายให้สามารถชมธรรมชาติได้ทุกวัย และเส้นทางเดินระยะไกลที่เหมาะสำหรับนักผจญภัยให้เลือกตามสไตล์ กิ่วแม่ปาน เป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นประมาน 3 กิโลเมตร มีไม้ป่านานาพันธุ์ รวมถึงกุหลาบพันปี กุหลาบขาวและกล้วยไม้ขนาดเล็กที่จะบานเต็มที่ในช่วงปลายหนาว ถ้าโชคดีอาจได้ชมกวางผาที่ออกมาหากินตอนเช้าด้วย เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาหลวง อยู่บนจุดสูงสุดในประเทศไทย มีความสูง 2,560 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สามารถขับรถขึ้นถึงได้เลย จุดเด่นอยู่ที่ต้นไม้แต่ละต้นถูกปกคลุมด้วยมอส เฟิน หากโชคดียังจะได้ชมนกกินปลีหางยาวเขียว และต้นกุหลาบพันธุ์ปี
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-หางดล-สันป่าตอง-จอมทอง กิ่งอำเภอจอมทองจะมีทางเลี้ยวขวาเป็นถนนลาดยางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์
สวนสัตว์เชียงใหม่
เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ศูนย์แสดงสัตว์น้ำมีอุโมงค์ยาว 133 เมตร สวนนกเพนกวินและสวนนกฟิ้นช์ ซึ่งเป็นนกขนาดเล็ก มีสีสันสวยงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็น อัญมณีบินได้ มีรถไฟฟ้ารางเดี่ยวพร้อมระบบปรับอากาศ บริการรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 50-70 คน/ เที่ยว ระยะทางวิ่ง 2 กิโลเมตร จอดรับส่งผู้โดยสาร 4 สถานี เปิดทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น. เปิดขายบัตรถึงเวลา 17.00 น.
สวนชมนกนครพิงค์ เป็นกรงนกขนาดใหญ่บนพื้นที่ 6 ไร่ ซึ่งถึอเป็นสวนชมนกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้สัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวทาง ธรรมชาติของนกกว่า 132 ชนิดจากทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่ร่มรื่นของน้ำตกกู่ขาว นอกจากนั้นยังมี ทัวร์ชมสัตว์ป่ายามค่ำคืน Twilight Zooโดยรถยนต์นำชมพฤติกรรมสัตว์ต่าง ๆ ที่ออกหากินยามกลางคืน พร้อมวิทยากรบรรยายให้ความรู้ ตั้งแต่เวลา 18.30-21.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองทัวร์ได้ที่ โทร. +66 5321 0374, +66 5322 1179, +66 5322 2283 www.chiangmaizoo.com
ดอยม่อนจอง
ดอยม่อนจองตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ 131 หมู่ 2 ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ 50310 การเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอฮอต จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นไปตามทางหลวงหมายเลข 108 และแยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1099 มุ่งหน้าสู่อำเภออมก๋อย จากนั้นเดินทางต่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอเพื่อแจ้งความจำนงและติดต่อเจ้า หน้าที่ เพื่อนำรถขับเคลื่อนสีล้อไปยังจุดเดินขึ้นสู่ดอยม่อนจอง
หมายเหตุ ดอยม่อนจองไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ หากต้องการพักแรม นักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์และอาหารไปเอง
อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก
ชื่อของอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ตอนนี้ได้รับการเปลี่ยนเป็นอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ตามชื่อของดอยสูงแห่งหนึ่งในเทือกเขาแดนลาวอันยิ่งใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกที่มีดอยผ้าห่มปกเป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานฯ บนความสูง 2,285 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง บนยอดสูงสุดเป็นทุ่งโล่งอันเกิดจากสภาพธรณีวิทยาที่มีชั้นดินตื้น พื้นเป็นหินแกรนิต ประกอบกับมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งปี จากยอดดอยเห็นทิวทัศน์ทะเลหมอกและถนนบนสันเขาขนานกับชายแดนไทย-พม่า นับได้ว่ามีความพิเศษอย่างยิ่งที่จะไปเยือนผ้าห่มปกในช่วงฤดูหนาว เพราะนอกจากอากาศจะเป็นใจแล้ว หมู่นกอพยพก็มีมากมายให้เราสัมผัส และมีกล้วยไม้หายากชนิดต่าง ๆ ให้ได้ศึกษา ที่สำคัญ มีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ยังเจอกล้วยไม้ชนิดนี้
ดอยผ้าห่มปกมีเมฆหมอกปกคลุมยอดดอยและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี บนดอยผ้าห่มปกมีนก และผีเสื้อที่น่าสนใจ เช่น นกปีกแพรสีม่วง นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ซึ่งพบที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ เป็นต้น ในฤดูหนาวมีนกอพยพมาอาศัย เช่น นกเดินดงคอแดง นกเดินดงดำปีกเทา นกเดินดงสีน้ำตาลแดง เป็นต้น จุดเด่นอีกอย่างของอุทยานแห่งนชาติดดอยผ้าห่มปกคือ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความร้อนใต้ดิน มีจำนวนมากหลายบ่อ ในพื้นที่ประมาณ 10ไร่ ในอดีตบริเวณยอดดอยเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยนั่งร้านที่ชาวบ้านในพื้นที่มาสร้างไว้เพื่อนจับผีเสื้อไก เซอร์ที่สนนราคากันตัวละหลายพันหรือใกล้ ๆ หมื่นบาทเลยที่เดียว ซึ่งปัจจุบันผีเสื้อสีเขียวมรกตชนิดดังกล่าวแทบกลายเป็นตำนานของเมืองไทย เหมือนกับผีเสื้อสมิงเชียงดาวไปแล้ว แต่ยังมีรายงานการพบอยู่บ้าง แม้จะน้อยเต็มที
ดอยผ้าห่มปกมีเมฆหมอกปกคลุมยอดดอยและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี บนดอยผ้าห่มปกมีนก และผีเสื้อที่น่าสนใจ เช่น นกปีกแพรสีม่วง นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ซึ่งพบที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ เป็นต้น ในฤดูหนาวมีนกอพยพมาอาศัย เช่น นกเดินดงคอแดง นกเดินดงดำปีกเทา นกเดินดงสีน้ำตาลแดง เป็นต้น จุดเด่นอีกอย่างของอุทยานแห่งนชาติดดอยผ้าห่มปกคือ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความร้อนใต้ดิน มีจำนวนมากหลายบ่อ ในพื้นที่ประมาณ 10ไร่ ในอดีตบริเวณยอดดอยเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยนั่งร้านที่ชาวบ้านในพื้นที่มาสร้างไว้เพื่อนจับผีเสื้อไก เซอร์ที่สนนราคากันตัวละหลายพันหรือใกล้ ๆ หมื่นบาทเลยที่เดียว ซึ่งปัจจุบันผีเสื้อสีเขียวมรกตชนิดดังกล่าวแทบกลายเป็นตำนานของเมืองไทย เหมือนกับผีเสื้อสมิงเชียงดาวไปแล้ว แต่ยังมีรายงานการพบอยู่บ้าง แม้จะน้อยเต็มที
การเดินทาง
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอยู่ในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงอำเภอฝาง แล้วไปตามถนนฝาง-ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนน รพช. 4054 อีกประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงบริเวณบ่อน้ำร้อนฝางซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก สำหรับเส้นทางไปดอยผ้าห่มปกนั้น ควรเดินทางด้วนรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ตามถนนสายฝาง-บ้านห้วยบอน ไปจนถึงบ้านห้วยบอน แล้วตรงไปตามถนนลูกรังอีก 5 กิโลเมตร หลังจากนั้นแยกขวาอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวง และแยกซ้ายไปอีก 5 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งแคมป์พักแรมกิ่วลม การเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยเป็นการเดินเท้าระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินขึ้นและลง อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอนุญาตให้นำรถขึ้นดอยผ้าห่มปกได้แล้ว โดยต้องขึ้นดอยก่อน 15.30 นาฬิกา และต้องใช้รถกระบะเท่านั้น ห้ามนำรถเก๋ง รถตู้ รถบัส ขึ้นดอย เพราะถนนยังเป็นทางลูกรัง ถ้าไม่มีรถขึ้นดอย สามารถติดต่อรถให้บริการได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1,800 บาท ต่อ 8 คน (ค้างคืน) ที่นี่ห้ามก่อกองไฟบนสนามหญ้า โดยทางอุทยานฯ มีเตาถ่านให้เช่า
ที่พัก
บ้านพักจะมีเฉพาะที่น้ำพุร้อนฝาง (ที่ทำการอุทยานฯ) ส่วนบนดอยผ้าห่มปกมีเฉพาะลานกางเต็นท์เท่านั้น สำหรับที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (น้ำพุร้อยฝาง) สามารถใช้บริการอาบ อบน้ำแร่ และนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพได้ทุกวัน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30 – 19.00 น.
การติดต่อ
อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เลขที่ 224 หมู่ 6 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50110 โทรศัพท์ 08 6430 9748 , 0 5345 3517-8 โทรสาร 0 5345 3517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.comวัดเจดีย์หลวงวิหาร
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อยู่ที่ถนนพระปกเกล้า วัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่พอดี ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.1913-1954) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2024 และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานระหว่าง พ.ศ.2011-2091 นานถึง 80 ปี ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ. 2088 ทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง ปัจจุบันเจดีย์มีความสูงคงเหลือ 40.8 เมตร ฐานกว้างด้านละ 60 เมตร
วิหาร หลวงของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่ง ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุด ของภาคเหนือ
ในวัดเจีย์หลวงนี้ยังมี เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1839 ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ เสาอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในวันแรม 12 ค่ำเดือน 8 (เหนือ) หรือประมาณเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง
วิหาร หลวงของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่ง ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุด ของภาคเหนือ
ในวัดเจีย์หลวงนี้ยังมี เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1839 ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ เสาอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในวันแรม 12 ค่ำเดือน 8 (เหนือ) หรือประมาณเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง
วัดพันเตา